ไทย
อังกฤษแฟชั่นไลฟ์สไตล์
แจกทริปเที่ยว เกาะกูด 3 วัน 2 คืน ดูน้ำใส คลายร้อน ที่ต้องไปเที่ยวซักครั้งในชีวิต
เม.ย.
เกาะกูด เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของประเทศไทย ในจังหวัดตราด ที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติไว้ได้อย่างดี เห็นได้จากน้ำตกขนาดใหญ่จำนวนมาก ป่าชายเลน และแนวประการังที่ยังคงสวยงาม เหมาะกับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยเกาะกูดเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ในไทย และเป็นเกาะสุดท้ายในน่านน้ำตะวันออก ที่หลายคนอยากไปเที่ยวซักครั้งในชีวิต
วันนี้เราจะพาคุณไปพบกับจุดแวะต่างๆ รวมถึงที่พักที่น่าสนใจเพื่อให้การจัดทริป 3 วัน 2 คืนของคุณสนุกสนาน สามารถผสมผสานการท่องเที่ยวต่างๆ ด้วยตัวคุณเอง และไม่พลาดที่เที่ยวสุดฮิต ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเกาะกูดกัน ไปดูกันเลย
8 จุดแวะทริปเที่ยวเกาะกูด 3 วัน 2 คืน
1. น้ำตกคลองเจ้า
เริ่มกันที่น้ำตกคลองเจ้าหรือน้ำตกอนัมก๊ก หนึ่งในน้ำตกประจำเกาะกูดที่สามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี น้ำตกคลองเจ้าเป็นน้ำตกขนาดกลางที่มี 3 ชั้นด้วยความสูงประมาณ 10 เมตร โดยชั้นบนสุดจะเป็นธารหิน ที่น้ำไหลรินลงมาบริเวณแอ่งน้ำตกด้านล่างให้เราเล่นน้ำได้ ที่นี่มีน้ำใสไหลเย็น มีปลาแหวกว่าย และมีเหล่าผีเสื้อ และแมลงปอบินไปมาตามธรรมชาติ เป็นทั้งจุดถ่ายรูปที่สวยงาม และเหมาะกับการผจญภัยเบาๆ ในวันหยุดไม่น้อยเลยทีเดียว
นอกจากเรื่องความสวยแล้ว น้ำตกแห่งนี้ยังมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของเกาะกูดด้วย เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เคยเสด็จประพาสที่นี่เมื่อปีพ.ศ. 2554 และทรงพระราชทานนามน้ำตกแห่งนี้ว่า น้ำตกอนัมก๊ก เพื่อเป็นที่ระลึกถึงองค์เชียงสือ กษัตริย์ญวนที่เคยเข้ามาลี้ภัยทางฝั่งตะวันตกของเกาะ จากการจลาจลในสมัยรัชกาลที่ 1
ซึ่งจุดนี้เป็นที่ตั้งของอ่าวคลองเจ้าที่อยู่ถัดจากท่าเรือคลองหินดำ และอ่าวตะเภาพอดีนอกจากนี้ ซึ่งที่ด้านหน้าของน้ำตกยังมีก้อนหินใหญ่จารึกพระปรมาภิไธยย่อ ว.ป.ร. อีกด้วย เรียกได้ว่าสวย และทรงคุณค่าขนาดนี้ ถ้ามาเที่ยวเกาะกูดแล้วไม่มาที่นี่ ก็เหมือนมาไม่ถึงเกาะกูดเลยนะ
2. ต้นมะค่ายักษ์
ต้นมะค่ายักษ์สูงกว่า 40 เมตร และใหญ่ขนาด 10-12 คนโอบอายุเก่าแก่กว่า 500 ปี เป็นหนึ่งในจุดเช็คอิน และถ่ายรูปยอดฮิตประจำเกาะกูด ซึ่งตั้งอยู่ในป่าบริเวณตอนกลางของเกาะกูด โดยมีถนนตัดตรง และมีป้ายบอกทางชัดเจน คุณสามารถไปได้ง่ายๆ จากท่าเรืออ่าวสลัดที่เป็นท่าเรือหลักของเกาะกูด ลึกไปตามเส้นทางประมาณ 9 กิโลเมตร ผ่านทิวทัศน์สวนยางมากมาย เข้าสู่แนวป่าอันเป็นที่ตั้งข้องต้นมะค่ายักษ์ จากนั้นต้องเดินทางโดยรถยนต์ หรือมอเตอร์ไซค์ต่ออีกประมาณ 15 นาที
ท่ามกลางความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติภายในเกาะแห่งนี้ ปลายทางนั้นจะเป็นต้นมะค่าขนาดใหญ่ ที่หยั่งรากลึกลงบนผืนแผ่นดินเกาะกูด บ่งบอกถึงอายุ และความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติภายในเกาะได้ชัดเจน ที่ชาวเกาะกูดช่วยกันดูแลเป็นอย่างดีนานหลายชั่วอายุคน หากคุณไปเที่ยวเกาะกูด การแวะไปเยี่ยมชม และถ่ายรูปกับคุณทวดต้นไม้ต้นนี้ เพื่อซึมซับพลังธรรมชาติก็เป็นตัวเลือกที่ดีในการพักผ่อนเลย
3. ต้นมะพร้าวคู่นำโชคแห่งหาดคลองเจ้า
มีความเชื่อกันว่า ต้นมะพร้าวคู่ที่พร้อมใจเอนเข้าหาท้องทะเลเหมือนๆ กันสามารถนำโชค และช่วยป้องกันฟ้าผ่าได้ ซึ่งต้นมะพร้าวคู่นี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ของ โฮซีซั่น พูลวิลล่าแอนด์สปา บริเวณหาดคลองเจ้าทางด้านทิศตะวันตกของเกาะกูด เป็นชายหาดขาวยาวประมาณ 600 เมตรที่สามารถลงเล่นน้ำได้ และยังมีชิงช้าไม้เรียบง่าย แต่เข้ากับบรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติกสุดๆ ด้วยความสวยงามที่ธรรมชาติสร้างขึ้นของทะเลเกาะกูด ผสานกับเรื่องเล่าที่เชื่อสืบต่อกันมา ทำให้ต้นมะพร้าวคู่แห่งนี้ กลายเป็นอีกสถานที่ชมพระอาทิตย์ตกบรรยากาศดี ซึ่งเหมาะกับการแต่งตัวไปทะเลสวยๆ แล้วมาถ่ายรูปคู่เช็คอินกันที่เราแนะนำ
4. หมู่บ้านอ่าวใหญ่ หรือหมู่บ้านชาวประมง
หมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ บริเวณท้ายเกาะที่ผู้คนเป็นมิตร บ้านเรือนของที่นี่จะปลูกอยู่ริมทะเล มีสะพานเชื่อมต่อกันหลังแรกจนถึงหลังสุดท้าย เรียงรายไปด้วยร้านอาหารทะเลอร่อยๆ และเรือหาปลาที่มีปลาตัวใหญ่แน่นๆ แหวกว่ายอยู่ในกระชัง แน่นอนว่าที่นี่ร้านอาหารทะเลสดๆ หลายร้านให้เลือกซื้อได้ในราคาไม่แพงเต็มสองข้างทาง เรียกว่าใครที่อยากสัมผัสวิถีชีวิตชาวประมงบ้านอ่าวใหญ่แถมของกินแบบจัดเต็ม
ก็ขอแนะนำให้มาเดินเที่ยวชม และรับประทานอาหารทะเลสดๆ ริมทะเลในมื้อเที่ยงหรือเย็น บอกเลยว่าบรรยากาศดีสุดๆ โดยเมนูแนะนำเป็นปูม้าสดๆ กุ้งหอยปูปลา เผา-นึ่งที่สด อร่อย สะอาด แถมยังได้ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศสวยๆ แบบอร่อยฟินเวอร์สุดๆ แค่นี้ก็สามารถสัมผัสถึงธรรมชาติของวิถีชีวิตประมงของผู้คนบนเกาะกูดได้แล้ว
5. เขาเรือรบ
เขาเรือรบคือหินธรรมชาติขนาดใหญ่ อายุหลายพันปี ที่มีลักษณะคล้ายหัวเรือรบเรียงกัน 3 ลำ ซึ่งบริเวณด้านบนถูกตกแต่งเพิ่มเติมธงราชนาวี แต่ละลำที่จอดตั้งอยู่บนลานหินกว้าง เขาเรือรบยังเป็นที่ตั้งของศาลกรมหลวงชุมพร (เสด็จเตี่ย) พร้อมพระบรมรูปหล่อจำลองกรมหลวงชุมพรฯ ขนาดเท่าองค์จริงประดิษฐานอยู่ด้วย โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นไปชมด้านบนได้ไม่ยาก เนื่องจากปัจจุบันมีการทำราวกั้นกันตกเพื่อความปลอดภัย
เขาเรือรบนับเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่น่าสนใจ และมีทางเดินเชื่อมต่อไปยังเส้นทางสู่น้ำตกคลองเจ้าอีกด้วย ถึงจะเป็นป่ารกแต่ก็เดินได้ไม่ลำบากมากนัก เพราะมีการจัดทำเส้นทางไว้อย่างดี เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว ทำให้สามารถซึมซับบรรยากาศ และศึกษาสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติภายในเกาะกูดได้อย่างเต็มที่
6. กลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวชุมชนบ้านอ่าวสลัด
ชุมชนบ้านอ่าวสลัดเป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ที่เคยเป็นที่หลบพักเรือของโจรสลัด ซึ่งออกปล้นสะดมในน่านน้ำแถบนี้ เพื่อถ่ายเทข้าวของที่ปล้นมา แล้วจึงดัดแปลงเรือก่อนจะนำของไปขายต่อ จึงเป็นที่มาของชื่ออ่าวสลัด หมู่บ้านนี้ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของเกาะกูด ซึ่งบ้านเรือนส่วนใหญ่ตั้งเรียงกันติดริมทะเล ด้านหน้ามีสะพานไม้พาดผ่านหน้าบ้านทุกหลัง
ปัจจุบันชาวบ้านหมู่บ้านอ่าวสลัดยืดอาชีพประมงเป็นอาชีพหลัก ทำให้ที่แห่งนี้กลายเป็นแหล่งขายอาหารทะเลสดๆ แหล่งใหญ่ของเกาะกูด มีทั้งกุ้ง หอย ปู ปลาสดๆ จากในกระชังให้เลือกเพียบ หรือจะเป็นอาหารทะเลแปรรูปอย่างปลาแดดเดียว ปลาเค็ม ปลาหมึกแห้ง กุ้งแห้ง หรือกะปิที่เป็นสินค้า OTOP ประจำชุมชนที่น่าซื้อไปเป็นของฝากก็มีร้านให้เลือกมากมาย โดยเมนูที่พลาดไม่ได้ของที่นี่คือปลาย่ำสวาท (ปลากะรังจุดฟ้า) ปลาหายากที่หาซื้อได้จากที่เกาะกูดเท่านั้น
คุณสามารถมาเที่ยวชมชุมชนบ้านอ่าวสลัด ที่มีวิถีชีวิตเรียบง่ายได้ตลอดทั้งปี แต่อาจต้องเลือกเวลาที่เหมาะสมพอสมควร เพราะถ้ามาช่วงเที่ยงๆ อาจจะร้อนจนเดินไม่สนุก เพราะทางเดินในหมู่บ้านไม่มีร่มเงาให้หลบแดด และถ้ามาในช่วงมรสุมที่เรือประมงไม่ออกหาปลา ก็อาจจะทำให้ไม่มีของให้เลือกซื้อมากนัก
7. Relax House Restaurant
พักจากสถานที่ท่องเที่ยว สู่ร้านอาหารกันบ้าง Relax House Restaurant เป็นร้านอาหารไทย และอาหารเอเชียที่คนกินมังสวิรัติ อาหารเจ หรือแพ้กลูเตนก็มากินร่วมกันได้ นักท่องเที่ยวที่มารับประทานอาหารที่ร้านนี้กว่าห้าร้อยคน ก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด ด้วยพนักงานที่มีจิตใจบริการ และเจ้าของร้านผู้เป็นมิตรทำให้บรรยากาศอบอุ่น มีกระทั่งสเปรย์กันยุงเตรียมไว้ให้ลูกค้าใช้ด้วย
Relax House Restaurant เสิร์ฟอาหารไทยโฮมเมดจากวัตถุดิบสดๆ ในราคาไม่แพงคือ 30 – 90 บาทเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเมนูไก่ผัดเม็ดมะม่วงกลมกล่อม แกงเขียวหวานหอมๆ หรือแกงแพนงอาหารทะเลเผ็ดร้อนก็ล้วนปรุงด้วยใจทั้งนั้น หากคุณสนใจจะมาทานอาหารร้านนี้ ขอแนะนำให้โทรมาจองก่อน เพราะที่นี่เป็นร้านเล็กๆ มีโต๊ะแค่ 7 โต๊ะ เรียกได้ว่าถึงจะร้านเล็กมีโต๊ะน้อย แต่คุณภาพคับแก้ว
8. Heaven Sense
ใครรักพิซซ่า บอกเลยว่า ต้องมาลองชิมพิซซ่าโฮมเมดฉบับชาวอิตาลีแท้ๆ ที่ร้าน Heaven Sense ร้านอาหารสไตล์อิตาลี ที่มีพิซซ่าเป็นเมนูชูโรงแห่งเกาะกูด ซึ่งนอกจากพิซซ่าแล้ว ยังมีเมนูสปาเก็ตตี้ ขนมปังโฮมเมด เบอร์เกอร์ สเต็ก และของหวานอย่างพานาค้อตต้าอีกด้วย ซึ่งผู้คนที่เคยมารับประทานอาหารที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ
เพราะรสมือของเชฟที่ร้านนี้เป็นแบบอาหารอิตาเลี่ยนแท้ๆ ซอสมะเขือเทศก็เคี่ยวซอสจากมะเขือเทศสดๆ พาร์มาแฮม และพาร์เมซานชีสเข้ากัน มาในไซส์จานใหญ่จุใจ คุ้มค่า คุ้มราคา นอกจากนี้พนักงานบริการภายในร้านก็เป็นมิตร และสามารถแนะนำเมนูให้เข้ากับความต้องการของคุณได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งเมนูอาหาร และไวน์หลากหลายชนิด แถมข้างร้านก็มีลำธารสวยๆ ที่ช่วยเพิ่มบรรยากาศดีๆ ให้กับมื้อพิเศษของคุณอีกด้วย
กลับสู่สารบัญกิจกรรมอื่นๆ บนเกาะกูดที่คุณสามารถทำได้
ทริปเกาะกูดไม่จำเป็นต้องเป็นสายเที่ยวทุกที่ ตะลุยทุกซอยทั่วเกาะเสมอไป หากคุณเป็นสายท่องเที่ยวแบบเน้นความชิล ไปเที่ยวเพื่อความผ่อนคลายทั้งร่างกาย และจิตใจจึงไม่อยากไปสถานที่เยอะแยะ เราขอแนะนำให้คุณแพลนทริปท่องเที่ยวเกาะกูดแบบหลวมๆ คือมีสถานที่ที่ตั้งไว้ในแพลนไม่มากนัก แล้วเลือกโรงแรมที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกดี วิวสวยเหมาะกับการพักผ่อนชิลๆ ในตัวโรงแรม
เช่น โรงแรมติดริมทะเลที่มีสระว่ายน้ำ มีสปานวดผ่อนคลาย มีเครื่องเล่นอย่างชิงช้า หรือเรือคายัคให้คุณได้แต่งตัวสวยๆ พริ้วๆ ริมทะเลไปถ่ายรูปชิลๆ เป็นที่ระลึก จะช่วยให้ทริปของคุณสนุกได้แบบไม่เหนื่อยมากเมื่อกลับบ้าน เรียกได้ว่าเหมาะกับการพักผ่อนยิ่งขึ้นไปอีก
เตรียมรองเท้าไปทะเลดีๆ ซักคู่เพื่อทริปเกาะกูด
ไม่ว่าคุณจะเป็นนักท่องเที่ยวสายลุย หรือสายชิล ไอเทมดีๆ ที่จะเสริมสร้างความมั่นใจในการแต่งตัวไปทะเล และช่วยอำนวยความสะดวกให้ทริปเที่ยวเกาะกูดของคุณ ก็คือรองเท้าไปทะเล ผู้หญิงสไตล์ชิคๆ ซักคู่นี่แหละ ไหนๆ ไปเที่ยวเกาะกูดทั้งที รองเท้าพิเศษที่ถูกออกแบบมาสำหรับทริปไปเที่ยวทะเลโดยเฉพาะ จะช่วยเสริมความสะดวกสบาย และความสวยงามแบบขั้นสุดให้กับคุณ ด้วยการออกแบบที่เฉพาะทาง ขอแนะนำแบรนด์รองเท้าไปทะเลสำหรับทริปเกาะกูด ที่ออกแบบมาอย่างใส่ใจในทุกรายละเอียด ทั้งเรื่องความสะดวกสบาย และความสวยงามอย่างแบรนด์ Tribe ที่คู่ควรกับทริปไปเที่ยวเกาะกูด และทะเลทุกที่กับคุณทุกเวลาที่สุด
ที่พักบนเกาะกูดแนวไหนที่ใช่คุณ
- ที่พักสายคุ้มค่าคุ้มราคา
สำหรับผู้ที่ชอบความคุ้มค่าขอแนะนำ จามเฮาส์เกาะกูดรีสอร์ท เป็นอีกหนึ่งที่พักบนเกาะกูดที่ คุ้มค่า คุ้มราคา ด้วยทั้งบรรยากาศคลาสสิคสวยงามแบบร่วมสมัย และสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น WIFI ความเร็วสูง อ่างอาบน้ำและสระว่ายน้ำ นอกจากนี้ ห้องพักของที่นี่ ยังรวมอาหารเช้าฟรี และภายในห้องพักยังเติมมินิบาร์ให้ฟรีทุกวันด้วย
โดยภายในรีสอร์ท ก็มีกิจกรรมให้ทำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคอร์สโยคะ พายเรือแคนู และสปาผ่อนคลาย นอกจากนี้หลังจากเที่ยวจนฟินมาทั้งวันแล้ว ทางรีสอร์ทยังมีฟรีบาร์ช่วง 4 โมงเย็นของทุกวันอีกด้วย เรียกได้ว่า เป็นโรงแรมที่เหมาะการยกกันไปพักผ่อนพร้อมหน้าพร้อมตา ทั้งครอบครัวมากๆ
- ที่พักแบบสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
สำหรับสายชิลที่ชอบที่พักที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เพื่อความสะดวกสบายก็ขอแนะนำ โรงแรมไฮซีซั่น พูลวิลล่า แอนด์ สปา โรงแรมระดับ 5 ดาวที่มีบริการสปาครบวงจร เหมาะกับคนที่กำลังเครียดต้องการการการนวดผ่อนคลายสุดๆ โดยที่นี่มีบริการนวดทั้งที่บริเวณชายหาด และบริเวณสปาห้อง ซึ่งมีทรีตเมนท์มากถึง 5 ห้องในการบริการนวดหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นการนวดสวีดิช การนวดไทย และทรีตเมนท์ดูแลผิวหน้า หรือจะเป็นห้องอบไอน้ำ ซาวน่า ฟิตเนสก็มีให้เลือกรับบริการ
ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่ยังมีกิจกรรมภายในโรงแรมที่หลากหลายมากๆ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมตกปลา พายเรือคายัค สนามเด็กเล่นสำหรับเด็ก คลาสโยคะ และห้องสมุด ส่วนภายในห้องพักก็มีห้องที่เชื่อมต่อกัน หรือห้องที่ติดกันให้บริการอีกด้วย โดยสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องพัก มีทั้งอ่างอาบน้ำ ฝักบัวสายฝน และเครื่องนอนระดับพรีเมียม เรียกได้ว่าถูกใจคู่รัก และสาวๆ สายชิลแน่นอน
สรุปทิ้งท้าย
หลังจากที่ชม 8 จุดแวะเที่ยวบนเกาะกูด กิจกรรมหลากหลายให้เลือกชิล และที่พักในแนวที่ใช่คุณไปแล้ว การวางแผนเที่ยวเกาะกูดทริป 3 วัน 2 คืน ก็ตัดสินใจได้ไม่ยากแล้วว่าจะไปเที่ยว พักผ่อน กิน ช้อปที่ไหนดีบ้าง แต่สาวๆ ก็อย่าลืมพกรองเท้าไปทะเลคู่ใจไปเที่ยว เพื่อให้ทริปของคุณสมบูรณ์ที่สุดด้วยล่ะ